ระดมป้องกรุง วีเซนเต-ถล่ม

เชษ

เมื่อเวลา 16.00 น. วานนี้ ( 18 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า พายุโซนร้อนวีเซนเต เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามแล้วบริเวณเมืองดองฮอย มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 180 กิโลเมตร ทางด้านตะวันออกของ จ.นครพนม ความเร็วลมสูงสุดไกลศูนย์กลางประมาณ 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยพายุลูกนี้กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านตอนบนสุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือในคืนวันที่ 18 ก.ย. ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา เชียงใหม่ แพร่ น่าน เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี นครพนม สกลนคร มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนเตรียม พร้อมรับมือ

กรมอุตุฯ รายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 14.26 น. วันเดียวกัน ได้เกิดแผ่นดินไหว มีศูนย์กลางอยู่บริเวณพรมแดนพม่า-อินเดีย หรือละติจูด 24.62 องศาเหนือ ลองจิจูด 94.5 องศาตะวันออก ระยะทางห่างจาก จ.เชียงใหม่ ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 800 กิโลเมตร ขนาด 6.0 ริกเตอร์ มีรายงานว่าผู้อยู่บนอาคารสูงใน จ.เชียงใหม่ รู้สึกถึงความสั่นสะเทือน ในเบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย

วันเดียวกัน นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.มหาดไทย ได้มีคำสั่งด่วนถึง ผวจ.นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี หนองคาย สกลนคร เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี เพชรบูรณ์ พะเยา แพร่ น่าน เชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือและเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

สำหรับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน วีเซนเต ที่ จ.อุบลราชธานี ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักในหลายพื้นที่ ต่อมาเมื่อช่วงค่ำวันเดียวกัน ร.ต.อ.ไสว พรมเคน ร้อยเวร สภ.อ.ตาลสุม รับแจ้งมีคนถูกฟ้าผ่าเสียชีวิตที่กระท่อม ท้องที่หมู่ 1 บ้านสำโรง ต.สำโรง รุดไปสอบสวนพบผู้เสียชีวิตรวม 4 คน ประกอบด้วย 1.นางบัวรอง สายแก้ว อายุ 52 ปี 2.นางคำกอง บุญเหลี่ยม อายุ 45 ปี 3. น.ส.ประภาศรี อินทรวิถี อายุ 21 ปี และ 4. ด.ช. ชัยณรงค์ สุริยะรังษี อายุ 10 ขวบ ทั้งหมดเป็นชาวบ้านบ้านสำโรง ต.สำโรง สภาพศพลำตัวมีรอยไหม้เกรียม เสื้อผ้าขาดวิ่น

นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ทราบชื่อนางสังวาล สิรินนท์ อายุ 40 ปี และนายบรรจง สายโสภา อายุ 46 ปี นำส่ง รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แต่เนื่องจากนายบรรจงอาการสาหัส ทำให้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา รวมมีผู้เสียชีวิต 5 ราย ขณะเดียวกัน ตำรวจสอบปากคำนางสังวาล สิรินนท์ ผู้บาดเจ็บให้การว่า ก่อนเกิดเหตุทาง อบต. สำโรงได้ว่าจ้างให้ไปก่อสร้างคันกั้นน้ำบริเวณดังกล่าว ระหว่างนั้นเกิดฝนฟ้าคะนอง จึงพากันเข้าไปหลบฝนภายในกระท่อม จู่ๆได้เกิดฟ้าผ่าลงมากลางกระท่อม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว

ภาคเหนือ มีรายงานด้วยว่า วันเดียวกันได้เกิดแผ่นดินไหวรับความรู้สึกได้ที่ จ.เชียงใหม่ แต่จากการสอบถามประชาชนที่อาศัยอยู่ตามอาคารสูงไม่มีใครทราบเรื่อง โดยเบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายแต่อย่างใด ในขณะที่จังหวัดสั่งเตรียมพร้อมทุกพื้นที่รับมือน้ำท่วมรอบสอง

ภาคใต้ ที่ จ.ภูเก็ต เกิดฝนตกหนักทั่วเกาะภูเก็ต น้ำป่าจากเขาโต๊ะแซะหอบเอาโคลนและเศษไม้ลงมาถล่มบ้านเรือนราษฎรในซอยเสียงใต้ หมู่ 3 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต เสียหาย 8 หลัง ต้องหนีตายโกลาหล นอกจากนี้น้ำยังเข้าท่วมถนนเทพกระษัตรีบริเวณปั๊มน้ำมันสามสหายภูเก็ต ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน สาเหตุดินจากภูเขาถล่ม คาดว่าเกิดจากนายทุนนำรถแบ็กโฮตักหน้าดินบริเวณภูเขาเพื่อสร้างบ้านจัดสรร ทำให้ไม่มีต้นไม้และหน้าดินดูดซับน้ำเอาไว้ ทางจังหวัดเข้าไปสำรวจความเสียหายแล้ว

ภาคกลาง จ.สระแก้ว มีรายงานว่า ฝนที่ตกติดต่อกันมาหลายวัน ทำให้น้ำป่าไหลเข้าท่วมพื้นที่ ต.พระเพลิง ต.หนองหว้า อ.เขาฉกรรจ์ ท่วมบ้านเรือนของราษฎรและพื้นที่ทางการเกษตรเสียหายหลายร้อยไร่ นายศานิตย์ นาคสุขศรี รอง ผวจ.สระแก้ว ออกสำรวจถนนสายโคกนกขุนทอง-แก่งสีเสียด ต.สระแก้ว อ.เมืองสระแก้ว พบน้ำท่วมคอสะพานขาดหลายแห่ง พร้อมสั่งการให้ทุกอำเภอเตรียม พร้อมรับมือน้ำท่วม

ด้านนายเนวิน ชิดชอบ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บังคับการตำรวจจราจร ตัวแทน สวพ.91 และ จส.100 ในการเตรียมรับมือช่วยเหลือประชาชนใน กทม.และปริมณฑล ที่จะคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะฝนตกน้ำท่วมจากพายุ วีเซนเต ว่า จากการประสานกับกรมอุตุนิยมวิทยาทราบว่าพายุได้เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยด้าน จ.ยโสธร มุกดาหาร และนครพนมแล้ว สำหรับ กทม.คาดว่าตั้งแต่คืนวันที่ 18 ก.ย. จนถึงช่วงเช้าวันที่ 19 ก.ย. จะเริ่มมีฝนตกเบาบาง และตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 19 ก.ย. เป็นต้นไปจนถึง 20 ก.ย. ฝนจะตกหนักมาก

นายเนวินกล่าวอีกว่า ดังนั้น นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้ทางโครงการถนนยิ้ม สำนักนายกฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการรถยกขนาดเล็ก และบริษัทบิ๊กเครน แอนด์ อิควิปเม้นท์ เร้นทัลล์ จำกัด เตรียมรถยกเพื่อช่วยเหลือกรณีรถเสียจากภาวะน้ำท่วมขัง โดยกระจายรถยกขนาดเล็กไว้ตามจุดต่างๆที่คาดว่าจะเกิดภาวะวิกฤติ 31 จุด เช่น ถนนเพชรบุรี ใต้ทางด่วนอโศก 3 คัน ถนนลาดพร้าว ใต้ทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา 3 คัน ถนนพหลโยธิน ที่จอดรถบีทีเอส 3 คัน เป็นต้น และยังได้ กำหนดจุดรถยกขนาดใหญ่ 20-25 ตัน ไว้อีก 5 จุด ได้แก่ 1. ถนนลาดพร้าว บริเวณห้าแยกลาดพร้าว 2. ถนนจรัญสนิทวงศ์ ใต้สะพานลอยบางพลัด 3. ถนนสาทร ทางลงสะพานสาทรตัดกับถนนสุรศักดิ์ 4. ถนนรามคำแหง หน้าสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน และ 5. ถนนรามอินทรา ปากซอยวัชรพล

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังได้เตรียมรถเครนขนาดใหญ่ 45 ตัน สแตนด์บาย ไว้ที่ถนนบางนา-ตราด ในกรณีที่อาจจะมีปัญหากับรถคอนเทนเนอร์ด้วย ทั้งนี้ทาง บชน.มีรถยกตาม สน.ต่างๆอยู่แล้ว 80 คัน โดยเอกชนที่ให้ความร่วมมือบริการรถยกจะมาให้บริการฟรี รัฐจ่ายแค่ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และเบี้ยเลี้ยงแก่เจ้าหน้าที่ โดยคืนวันที่ 18 ก.ย. รถยกขนาดใหญ่จะเข้าประจำจุด ส่วนรถยกขนาดเล็กอย่างช้าภายในเวลา 12.00 น. วันที่ 19 ก.ย. ต้องเข้าประจำจุดครบทั้ง 31 จุด อย่างไรก็ หากครบกำหนด 4 วัน ที่จะปฏิบัติการแล้วฝนยังไม่หยุดตก ก็ต้องขยายเวลาการช่วยเหลือประชาชนออกไป หากพายุวีเซนเตอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชันก็จะยิ่งสร้างปัญหาฝนตกน้ำท่วมขังให้ กทม.นานมากยิ่งขึ้น หากประชาชนที่ประสบปัญหาสามารถโทรศัพท์แจ้ง ได้ที่ศูนย์ฮอตไลน์ของสำนักนายกฯ หมายเลข 1376 บก.จร. 1197 จส.100 หมายเลข 1137 และ สวพ.91 หมายเลข 1644

พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล ผบก.จร. กล่าวว่า จุดที่เคยเกิดวิกฤติภาวะน้ำท่วมขังหนักมากที่สุดในคราวที่แล้วคือ ถนนรามคำแหง และถนนลาดพร้าว จากปัญหาน้ำล้นเอ่อ

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ ฉบับ 19/09/48