กทช.ปรับเพดานค่าโทรมือถือ สูงสุดไม่เกินนาทีละ 99 สตางค์

เชษ

กทช. เปิดกว้าง โอเปอร์เรเตอร์กำหนดราคาโปรโมชั่นได้ตามต้องการ ภายใต้เพดาสูงสุด 99 สตางค์ และอัตราขั้นต่ำ 51 สตางค์ ยันราคาที่กำหนดเป็นธรรม ป้องกันรายใหญ่เอาเปรียบรายเล็ก...

พ.อ.นที ศุกลรัตน์ กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือกทช กล่าวว่า การกำหนดอัตราค่าบริการโทรคมนาคม ในอัตราเพดานขั้นสูง99 สตางค์ ต่อนาที และอัตราขั้นต่ำ 51 สตางค์ ต่อนาที นั้นได้รวมกับค่าเชื่อมต่อเลขหมาย หรือ อินเตอร์คอนเนคชั่นชาร์จ แล้ว ซึ่งประกาศฉบับนี้อยู่ระหว่างการรอลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา

"การกำหนดให้เพดาน 99 สตางค์ ผู้ให้บริการไม่จำเป็นต้องกำหนดค่าบริการนาทีละ 99 สตางค์แต่ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่น" กรรมการ กทช. กล่าว

พ.อ.นที กล่าวต่อว่า การกำหนดเพดานราคาค่าบริการนั้น กทช.ได้คำนวณมาจากต้นทุนที่แท้จริงของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ โดยจะช่วยให้ผู้ให้บริการแต่ละรายไม่ตั้งราคาเกินความเป็นจริง ก่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม อีกทั้ง ยังเป็นการป้องกันไม่ให้รายใหญ่เอาเปรียบรายเล็ก และยังช่วยป้องกันการเอาเปรียบประชาชน ซึ่งในอนาคตมีแผนที่จะขยายการกำหนดอัตราค่าบริการไปยังบริการด้านข้อมูล (ดาต้า) ต่อไป จากปัจจุบันได้เริ่มนำร่องกำหนดที่บริการด้านเสียงก่อน

ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/tech/135335

เชษ

บอร์ด กทช. เคาะเพดานค่าโทรศัพท์เคลื่อนที่จากเดิมนาทีละ 3 บาท เป็นนาทีละ 99 สตางค์ โบ้ยรอ กสทช. พิจารณาเรียกคืนคลื่นจากทีโอที...

เมื่อ วันที่ 16 ธ.ค.2553 พ.อ.นที ศุกลรัตน์ กรรมการในคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด กทช. มีมติปรับอัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ใหม่ จากเดิมนาทีละ 3 บาท ปรับเป็น นาทีละ 99 สตางค์ (สต.) และอัตราขั้นต่ำนาทีละ 51 ส.ต. โดยให้มีผลตั้งแต่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายได้รับหนังสือ แจ้งอย่างเป็นทางการจาก กทช. ส่วนสาเหตุที่ กทช. พิจารณาปรับลดค่าบริการขั้นสูงใหม่นั้น เนื่องจากปัจจุบันอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ในอัตราไม่เกินนาที ละ 1 บาท ทั้งยังมีการพิจารณาต้นทุนต่างๆ ของผู้ให้บริการซึ่งพบว่าต้นทุนลดลง ดังนั้นจึงควรปรับลดอัตราค่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ขั้นสูงได้

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือถึง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับกิจการ วิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคม ที่จะประกาศใช้ในเร็วๆ นี้ ว่าในช่วงรักษาการไปจนกว่าจะมีคณะกรรมการ กสทช. นั้น กทช. สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างไรบ้าง และทำอะไรได้บ้าง รวมถึง การออกกฎระเบียบต่างๆ จะขัดต่อ พ.ร.บ.กสทช. หรือไม่ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ได้หารือในกรณีที่เกี่ยวข้องกับคลื่นความถี่ทั้งหมดให้รอ กสทช. ชุดใหม่มาดำเนินการ

ส่วนเรื่องการเรียกคืนความถี่ย่าน 1900 เมกะเฮิรตซ์ ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) นั้น พ.อ.นที กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ด กทช. ไม่ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าควรรอให้ กสทช. พิจารณา แต่ในเบื้องต้นที่ประชุมบอร์ด กทช. ได้มอบหมายให้ตนไปรวบรวบข้อมูลและศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อรอ กสทช. ชุดใหม่เป็นผู้พิจารณา

ด้าน นายฐากร ตันฑสิทธิ์ รักษาการเลขาธิการ กทช. กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายในส่วนของค่าใช้จ่ายพื้นฐานที่จำเป็นต่อ การปฏิบัติงานรวม 2,100 ล้านบาท งบประมาณรายได้ประจำปี 2553 จำนวน 4,600 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณรายจ่ายรวมทั้งสิ้น 3,600 ล้านบาท โดยคาดว่ารายได้ที่เหลือประมาณ 1,000 ล้านบาท จะส่งคืนกระทรวงคลัง ส่วนความคืบหน้าการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ Mobile Number Portability หรือ MNP) (นัมเบอร์พอร์ทบิลิตี้) นั้น กทช. คงเดินหน้าให้ผู้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกค่าย เปิดให้บริการย้ายค่ายต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งจากศาลปกครองกลาง เนื่องจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ยืนฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้เพิกถอนประกาศเรื่องการคงสิทธิ์เลขหมาย ซึ่งศาลปกครองกลางจะพิจาณาคดีในวันที่ 15 ม.ค.2554

ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/tech/134648