Community แห่งนี้จะใช้งานได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566
 
สยามโฟน ดอท คอม : ชุมชนผู้ใช้มือถือ
 อาการโรคหัวใจ..โรคอันตรายในสังคมปัจจุบัน
 
หน้าแรกคอมมิวนิตี้ » ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ (Information & Service)
ตอบ: 0 / เข้าชม: 657
ตั้งกระทู้ใหม่ ตอบหัวข้อนี้
Translate this topic to English แสดงความเห็นเฉพาะสมาชิก ทวีตไปบนทวิตเตอร์ แชร์หน้านี้ไปบนเฟสบุคดูกระทู้ก่อนหน้า :: ดูกระทู้ถัดไป
Author
Message
minigirl
New Member
New Member
Year's Star



สมัครเมื่อ: 25 Jul 2016
จังหวัด: กรุงเทพฯ
รายละเอียดสมาชิก - View user's profile
หัวข้อ : อาการโรคหัวใจ..โรคอันตรายในสังคมปัจจุบัน
วันที่โพสท์ : 25 Jul 2016 14:34  
ตอบโดยอ้างถึง  

ปัจจุบันประเทศไทยของเรามีสถิติสาเหตุการเสียชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจ อาจเพราะคนไทยมีวิถีชิวิตที่ไม่เหมือนเดิม ทุกวันนี้คนไทยส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการเป็นรับสารเคมีหรือติดเชื้อเป็นโรคภัยต่างๆ ซึ่งอันดับหนึ่่งคือโรคมะเร็ง ตามสถิติเหมือนเช่นทุกปี แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ โรคหัวใจและหลอดเลือดที่สูงมาเป็นอันดับสอง ทำให้ทราบว่าคนไทยเสียชีวิตด้วยกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดจำนวนไม่น้อยเลย และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผู้ป่วยโรคนี้้จะมีอาการแตกต่างกันไปตามโรค บางคนเสียชีวิตอย่างฉับพลัน บางคนเป็นโรคเรื้อรัง เกิดภาวะแทรกซ้อน ดังนั้นเราควรรู้จักโรคหัวใจนี้ให้มากขึ้น เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงและป้องกันตนเองจากโรคนี้ ซึ่งอาการของโรคหัวใจนั้นมีดังนี้

1.โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นโรคที่พบมากในปัจจุบัน แต่จากสถิติการเสียชีวิตผู้ป่วยโรคนี้ไม่ได้ตรวจพบโรคนี้ในช่วงแรกถึง 30% ของจำนวนทั้งหมด ซึ่งจะมารู้ตัวและเริ่มรักษาในระยะที่รุนแรงแล้ว เพราะโรคนี้จะไม่ได้มีอาการหนักใดแสดงออกมา ผู้ป่วยจtวางใจใช้ชีวิตประจำวันปกติและไม่มาตรวจรักษา
อาการ เจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย จุกแน่น เสียดในบริเวณทรวงอก เหงื่่อออก ใจสั่น เป็นลม หากเกิดฉับพลันและรุนแรง ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือหัวใจพิบัติ( Heart attack ) และมีโอกาสเสียชีวิตสูง หากรักษาไม่ทัน ต้องได้รับการรักษาโดยด่วน
กลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วยที่มีสูงอายุ, สูบบุหรี่จัด, ผู้ป่วยโรคเบาหวาน, ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง, ผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง หรือผู้ที่ไม่ออกกำลังกายเป็นประจำ

2.โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง
เกิดจาก ความเสื่อมหรือความผิดปกติหลอดเลือดแดงใหญ่ในร่างกายที่มีหน้าที่นำเลือดจากหัวใจส่งไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆในร่างกาย มีความยาวตั้งแต่ในช่องอกจากหัวใจจนถึงช่องท้อง ทำให้หลอดเลือดบริเวณนั้นเกิดการโป่งพอง และแตกออกได้ พบบ่อยที่หลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องท้อง และในช่องอก
อาการ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ของโรคนี้จะไม่มีอาการแสดงมาก่อน มักจะตรวจพบโดยบังเอิญจากการถ่ายภาพเอ็กซเรย์ทรวงอก หรือคลำก้อนเต้นได้ในช่องท้อง จะมีอาการจากการกดเบียดของหลอดเลือดที่อวัยวะข้างเคียง เช่น กดหลอดลมทำให้หายใจลำบาก กดเบียดหลอดอาหารทำให้กลืนลำบาก เป็นต้น หรือถ้าหากผู้ป่วยมีอาการแน่นอก ปวดหลัง หน้ามืด หมดสติ ไอเป็นเลือด อาจบอกได้ว่ามีการปริแตกของหลอดเลือดแดงใหญ่แล้ว

3.โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
เกิดจาก ความผิดปกติของการเจริญเติบโตของหัวใจในขณะที่อยู่ในครรภ์มารดา อาจเกิดจากการมีรูโหว่ที่ผนังกั้นภายในห้องหัวใจ ลิ้นหัวใจตีบตันหรือรั่ว หลอดเลือดออกในตำแหน่งที่ผิดจากปกติ ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งปัจจุบันสามารถวิเคราะห์ความผิดปกติได้ ตั้งแต่ขณะอยู่ในครรภ์มารดาโดยการตรวจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardiogram)
อาการ เหนื่อยง่าย หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ เจริญเติบโตช้า เนื่องมาจากความผิดปกติของการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะไม่เพียงพอ มีเหงื่อออกมาก เขียวคล้ำตามลำตัวเกิดจากเลือดดำไหลเข้าสู่เส้นเลือดแดงที่ส่งไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆในร่างกาย ทำให้เด็กมีลักษณะผิวหนังหรือกล้ามเนื้อเขียวคล้ำ

4. โรคหัวใจรูห์มาติค
เกิดจาก การติดเชื้อแบคทีเรียชนิดเบต้าฮีโมไลติค สเตร็ปโตคอคคัสที่ลำคอ ทำให้คออักเสบ มีไข้สูง ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคนี้ และหากได้รับเชื้อโรคนี้ซ้ำอีกจะเกิดอาการอักเสบที่หัวใจ ปวดบวมที่ข้อ และมีผื่นที่ลำตัว หากมีการอักเสบซ้ำหลายๆ ครั้ง อาจเกิดพังผืดขึ้นที่ลิ้นหัวใจจนเปิดไม่เต็มที่หรือปิดไม่สนิท ทำให้ลิ้นหัวใจตีบแคบลงหรือรั่ว และหากติดเชื้อมากไปทำให้หัวใจวายและเสียชีวิตได้ ส่วนใหญ่จะพบในเด็กอายุ 7-15 ปี
อาการ ผิวหนังเป็นผื่นแดง กล้ามเนื้อกระตุกไม่มีแรง มีไข้ ปวดบวมตามข้อ มีปุ่มใต้ผิวหนัง และมีหัวใจอักเสบ ทำให้บวม เหนื่อยง่าย หอบ เจ็บหน้าอก และอ่อนเพลีย

5. ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
เกิดจาก ความผิดปกติของการกำเนิดกระแสไฟฟ้าหัวใจ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ทำให้เกิดโรคหัวใจหลายชนิด เช่น ลิ้นหัวใจผิดปกติ กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ หรือหลอดเลือด หัวใจตีบตัน หรือความผิดปกติอื่น ๆ เช่น การส่งกระแสลัดวงจร มีแผลเป็นหรือก้อนไขมัน ทำให้หัวใจมีจุดที่สร้างกระแสไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ
อาการ ใจสั่น หน้ามืด เจ็บหน้าอก อ่อนเพลีย หมดสติ หรือหัวใจวาย อัตราการเต้นของหัวใจขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เกิด
วิธีรักษา การรักษาภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ จะรักษาด้วยยาในกรณีที่จับความผิดปกติไม่ได้ แต่ถ้าพบความผิดปกติจากคลื่นไฟฟ้าหัวใจ แพทย์อาจให้ยาต้านการเต้นผิดปกติกลุ่มต่างๆ หรือใช้วิธีการจี้หัวใจด้วยคลื่นไฟฟ้าความถี่สูงเท่าคลื่นวิทยุ และการฝังเครื่องมือพิเศษ อย่างไรก็ตามต้องทำให้หัวใจบีบตัวได้ตามปกติ เพราะจะลดโอกาสเกิดหัวใจวายให้น้อยลง
ข้อเสนอแนะ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นทำให้เกิดโรค เช่น ความเครียด วิตกกังวล การพักผ่อนไม่พอเพียง ออกกำลังกายหักโหม การสูบบุหรี่ ดื่มน้ำชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน แอลกอฮอล์ การกินยาหรือฉีดยาที่กระตุ้นหัวใจ เป็นต้น

6. ภาวะหัวใจล้มเหลว
คือ ภาวะหัวใจล้มเหลว เป็นภาวะที่หัวใจอ่อนแอ จึงทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกายได้ไม่เพียงพอ
อาการ ผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวาย หน้ามืด เจ็บหน้าอก อ่อนเพลีย หมดสติ อาจจะค่อยๆเกิด เช่น โรคลิ้นหัวใจ หรือกล้ามเนื้อหัวใจ หรืออาจเกิดขึ้นได้ฉับพลัน เช่น เกิดภายหลังจากหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นต้น ดังนั้นหากมีอาการดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์ในทันที
นอกจากโรคหัวใจจะอันตรายในผู้ใหญ่แล้ว โรคหัวใจนี้ยังอันตรายในเด็กมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งโรคหัวใจในเด็กนั้นอาจเกิดมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์หรือเกิดหลังจากคลอดแล้ว ซึ่งอาการที่พบสามารถสรุปได้คือ เจริญเติบโตช้า น้ำหนักไม่ค่อยเพิ่มขึ้น เหนื่อยง่าย หายใจเร็วกว่าปกติ หัวใจเต้นแรง หอบ เป็นหวัดหรือปอดบวมบ่อยๆ ตามร่างกายมีรอยสีเขียว ซึ่งอาจจะมีมาตั้งแต่กำเนิดหรือเพิ่งเขียวช่วงภายหลัง การรักษาโรคหัวใจในเด็ก สามารถให้รักษาตามชนิดของโรคนั้นๆ โดยทั่วไปรักษาโดยใช้วิธี ให้ยาบำรุงหัวใจ หรือให้ยาขับปัสสาวะเพื่อลดภาวะหัวใจวาย ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น หรือใช้บอลลูนช่วยขยายตรงหลอดเลือดหรือลิ้นหัวใจที่ผิดปกติ หากเด็กมีอาการหัวใจเต้นผิดปกติ รักษาโดยการจี้ด้วยไฟฟ้าบริเวณที่ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ และวิธีการผ่าตัดเพื่อรักษาความผิดปกติของหัวใจ
ดังนั้นโรคหัวใจเป็นโรคที่มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็วและไม่แน่นอน อาจจะถึงแก่ชีวิต ผู้ป่วยควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษา ก่อนที่จะเป็นขั้นรุนแรงจนรักษาไม่ทันเวลา
แสดงผู้ตอบย้อนหลัง:   
หน้าแรกคอมมิวนิตี้ » ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ (Information & Service)
ตั้งกระทู้ใหม่  ตอบหัวข้อนี้
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1   

 
ไปยังหัวข้อ: