ฟีเจอร์ชูโรงอันหนึ่งของ Galaxy S5 คือ Ultra Power Saving Mode หรือโหมดประหยัดพลังงานแบบสุดๆ (ซัมซุงมีโหมด Power Saving ปกติมานานแล้ว) โดยจะปรับจอภาพเป็นสีขาวดำและปิดฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็นหลายอย่างออกไป
วิธีการใช้งานสามารถกดได้จาก toggle ได้เลย เมื่อเรากดแล้วเครื่องจะค่อยๆ ปรับสีของหน้าจอมาเป็นขาวดำ (ใช้เวลาประมาณ 5-10 วินาที) จากนั้นเราจะมาเจอกับหน้า "โฮม" แบบใหม่ดังภาพ (โหมด Ultra Power Saving Mode จับภาพหน้าจอไม่ได้ด้วยซ้ำนะครับ ต้องใช้วิธีถ่ายภาพแทน)
หน้าโฮมแบบใหม่จะมีแค่หน้าเดียว มีเท่าที่เห็น มีแอพใช้งานได้แค่ 6 ตัว โดย 3 ตัวเป็นแอพมาตรฐานคือ โทร, SMS, เบราว์เซอร์ ส่วนอีก 3 ตัวเลือกเพิ่มเติมได้จากแอพ "บางตัว" ในเครื่อง, พวก widget หรือฟีเจอร์หรูหราต่างๆ ถูกปิดเรียบ
ขอบล่างของหน้าจอจะแสดงแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ พร้อมระยะเวลาที่ยังใช้งานได้
โหมด Ultra Power Saving Mode จะปิดการทำงานของ Wi-Fi และ Mobile Data (แอบเปิดคืนได้จากหน้า Settings ที่ซ่อนอยู่ในเมนูสามจุด) และไม่สามารถใช้งานกล้องถ่ายภาพได้ครับ
ตัวอย่างแอพที่เพิ่มได้ในโหมด Ultra Power Saving ก็มีแอพพื้นฐานพวกเครื่องคิดเลข นาฬิกา และแอพโซเชียลบางตัวเช่น Facebook, Twitter, Google+, ChatOn (เห็นว่า LINE ก็ใช้ได้)
การใช้งานแอพในโหมด Ultra Power Saving เหมือนกับโหมดปกติทุกประการ เพียงแต่มันเป็นขาวดำเท่านั้นเอง ดูเท่ไปอีกแบบ (เหมาะมากสำหรับการเอาไว้โชว์คนอื่น) ว่าแล้วก็ลอง Blognone แบบขาวดำสักหน่อยครับ
ซัมซุงโฆษณาว่าโหมด Ultra Power Saving อึดมากในระดับที่แบตเหลือ 10% จะสามารถใช้งานต่อได้อีก 24 ชั่วโมง
ผมลองทดสอบการใช้งานจริงโดยใช้งาน S5 แบบปกติทั่วไป (ใช้เป็นมือถือหลัก เสียบซิม เปิด data ตามปกติ) จนแบตเหลือประมาณ 9% ก็สลับเข้าโหมด Ultra Power Saving ครับ บนหน้าจอเขียนว่าอยู่ได้อีก 1.1 วัน
ผมเริ่มโหมดนี้ตอน 2 ทุ่มและคงสภาพนี้มาเรื่อยๆ จนถึงประมาณบ่ายสองของวันถัดไป (ราว 18 ชั่วโมง) โดยไม่ชาร์จอะไรเลย แอบมาเล่นเน็ตบ้างเล็กน้อย (โหมดจอขาวดำเนี่ยแหละ) แบตอยู่ได้สมราคาคุยครับ ดูได้จากกราฟแบตเตอรี่ด้านล่าง
ช่วงท้ายๆ กราฟจะเห็นว่าแบตฮวบลง อันนี้เป็นเพราะผมอยากรู้ว่าถ้าปิดโหมด Ultra Power Saving กลับมาใช้งานแบบปกติมันจะเป็นอย่างไร ปรากฏว่าแบตไหลเป็นน้ำทันที (ฮ่า) ต้องรีบกลับไปหาที่ชาร์จในท้ายที่สุด
ฟีเจอร์ Ultra Power Saving ถูกออกแบบมาสำหรับสถานการณ์ "ไปที่อื่นแล้วลืมที่ชาร์จ" ซึ่งพบได้บ่อยมาก มันสามารถแก้ปัญหาได้จริง คือยืดอายุแบตให้เพียงพอสำหรับวันถัดไปที่เราสามารถหาที่ชาร์จได้ แต่ก็ยังคงความสามารถพื้นฐานในการติดต่อสื่อสาร (โทร, SMS, โซเชียล) ได้ครบถ้วน
ฟีเจอร์นี้คงไม่ใช่ฟีเจอร์ที่เราใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป แต่ถ้าเกิดต้องพบสถานการณ์ที่ว่าจริงๆ น่าจะช่วยชีวิตไปได้เยอะอยู่ ต้องถือว่าซัมซุงทำการบ้านมาดีมาก และถือเป็นฟีเจอร์จุดขายอย่างหนึ่งของ S5 เลยครับ
ชอบคุณเนื้อหาจาก blognone