ความอึด: ไม่ใหม่ แต่มีประโยชน์
Galaxy S5 สามารถทนน้ำทนฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 เรื่องนี้ดีแน่นอนเพราะผู้บริโภคทำมือถือตกน้ำแล้วมีปัญหากันเป็นจำนวนมาก การที่ Galaxy S5 กันน้ำได้ในระดับที่เรียกว่าเหลือเฟือสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน (คงไม่มีใครเอามือถือไปแช่น้ำเกิน 30 นาทีกระมัง) ถือว่าเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคมากๆ
แต่ IP67 ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกนั่นแหละ เราเห็น Sony บุกเบิกเรื่องนี้มานานจนกลายเป็นเอกลักษณ์ไปแล้ว ดังนั้นฟีเจอร์นี้ถือว่ามีประโยชน์มาก แต่ซัมซุงไม่ใช่รายแรกที่ทำ
อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่ายุทธศาสตร์นี้น่าจับตาเพราะช่วงหลังๆ วงการมือถือเริ่มตัน หาฟีเจอร์ใหม่ๆ ใส่เข้ามาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงที่ซัมซุงอาจจะขยายความสามารถด้านกันน้ำกันฝุ่นไปยังสมาร์ทโฟนตลาดบนตัวอื่นๆ ที่จะขายในปีนี้ด้วย (ที่แน่ๆ Note 4 คงมีชัวร์)
ฟีเจอร์อย่างที่สองในประเด็นเรื่องความอึด-ความปลอดภัยคือ ตัวสแกนลายนิ้วมือ ฟีเจอร์ที่หลายคนคงคุ้นเคยมาจาก iPhone 5s (แต่ถ้าพูดกันตรงๆ แล้ว iPhone 5s ก็ไม่ใช่รายแรกที่ทำเช่นกันนะ)
ฟีเจอร์นี้ชัดเจนว่าซัมซุงเป็นผู้ตาม แต่มันช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้นจริง (รูดง่ายแค่ไหน เทียบกับ iPhone 5s แล้วเป็นอย่างไร ไม่มีใครทราบ ต้องรอเครื่องจริง)
ซัมซุงพยายามโชว์จุดขายว่ามันไม่ใช่แค่ปลดล็อคเครื่อง แต่ยังสามารถใช้จ่ายเงินด้วย PayPal ได้ด้วย เรื่องนี้ผมว่าดีแต่ทำจริงมันไม่ง่ายเพราะ ecosystem ทั้งระบบต้องสนับสนุนกันหมด การชูว่าใช้จ่าย PayPal ก็คงเป็นแค่ลูกเล่นที่ไม่น่าจะได้ใช้งานจริงกันมากนัก
แต่ฟีเจอร์ที่กลับน่าจะเวิร์คคือ Private Mode ที่ซ่อนไฟล์ข้อมูลสำคัญๆ เอาไว้ เจ้าของเข้าถึงได้โดยการรูดนิ้วเท่านั้น ตัวอย่างการใช้งานที่พิธีกรพูดถึงบนเวทีคือ เขาถ่ายภาพพาสปอร์ตเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน แต่ไม่อยากให้คนอื่นเห็นข้อมูลนี้ในเวลาปกติทั่วไป ซึ่งตัวสแกนลายนิ้วมือ+Private Mode ตอบโจทย์นี้มากๆ
ฟีเจอร์ Kids Mode ถือเป็นกลุ่ม nice-to-have อีกเหมือนกัน และซัมซุงก็ไม่ได้ทำเป็นเจ้าแรก (อีกแล้ว) โดยทั้ง Kindle Fire และ Windows Phone มีมาก่อนนานแล้ว
แบตเตอรี่ใช้งานได้อึดกว่าเดิม ตรงไปตรงมาแต่มีประโยชน์ แต่อันที่เจ๋งจริงคือ Ultra Power Saving Mode ฟีเจอร์ที่เรียกเสียงปรบมือได้จากคนดู ด้วยสโลแกนง่ายๆ ว่า "แบตเหลือ 10% สแตนด์บายได้อีก 24 ชั่วโมง"
ส่วนการใช้งานจริงจะทำได้สมราคาคุยหรือไม่ ก็คงต้องรอเทสต์ของจริงกันต่อไปครับ